วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

สารกำจัดแมลงจากมะเขือเทศ

สารกำจัดแมลงจากมะเขือเทศ
เสนอ
ผศ.นชษร  ปภาภูวโรจน์
จัดทำโดย
นางสาวศิริรัตน์   ยศสมบัติ

พืชศาสตร์   PSA45741N

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

มะเขือเทศ มีสารชื่อโทมาทีน มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและ แบคทีเรียบางชนิด ที่เป็นสาเหตุของโรคพืช




xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

ยาฆ่าแมลงจากใบมะเขือเทศสด





ยาฆ่าแมลงจากใบมะเขือเทศแห้ง





ยาฆ่าแมลงจากลำต้น ใบ ผล







xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx





xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

การปักชำ

การปักชำ



$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
  การปักชำ คือ การตัดส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช เช่น ใบ กิ่ง ลำต้น ราก ออกจากต้นเดิม ไปเก็บไว้ในที่ที่มี สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทำให้ส่วนต่างๆดังกล่าวของพืชงอกรากและแตกยอด เจริญเติบโตเป็นพืชต้นใหม่ต่อไปได้

$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

ประเภท
การปักชำแบ่งออกเป็น
* การปักชำกิ่ง     (Stem cuttings)
* การปักชำราก   (Root cuttings)
* การปักชำใบ     (Leaf cuttings)

การปักชำกิ่งกึ่งอ่อนและยอดอ่อน
นิยมใช้ในการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเป็นส่วนใหญ่ การตัดชำวิธีนี้จะออกรากได้ง่าย ความยาวของกิ่งประมาณ ๓-๕ นิ้ว ริดใบบริเวณโคนกิ่งออกเล็กน้อย ควรปักชำในที่ที่มีความชื้นสูงหรือกระบะพ่นหมอก


การปักชำราก
การตัดชำรากจะทำได้เสร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเกิดตา ซึ่งจะให้กำเนิดต้นและราก บนรากของพืชที่จะนำมาตัด การตัดควรเลือกรากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑/๔ - ๑/๒ นิ้ว ตัดให้มีความยาว ๒ นิ้ว การตัดมักจะตัดตรง ๆ การเกิดต้นค่อนข้างจะเกิดทางด้านโคนราก ส่วนการเกิดรากจะเกิดทางด้านปลายราก และการเกิดต้นมักจะเกิดได้เร็วกว่าการเกิดราก 


การปักชำแผ่นใบ
พวกที่ใบยังไม่เกิดตา ใบพืชพวกนี้จะต้องตัดใบไปปักชำระยะเวลาหนึ่งก่อนใบจึงจะสร้างจุดกำเนิดขึ้นที่ฐานรอยตัด ที่ปักอยู่ในวัสดุเพาะ  ในการตัดชำก็จะเลือกใบที่แก่ ถ้าใบมีความยาวมากเกินไปก็จะตัดออกเป็นท่อน ๆ ให้แต่ละท่อนยาวประมาณ ๓-๕ นิ้ว แล้วนำไปปักในวัสดุเพาะชำ โดยปักให้ลึกประมาณ ๑/๓ ของแผ่นใบ และเมื่อใบเริ่มแทงยอดโผล่จากวัสดุเพาะชำและที่ฐานรอยตัดเกิดรากมากพอก็จะย้ายปลูกได้


ปัจจัยที่มีผลต่อการปักชำ
ทั้งสภาพภายในกิ่ง และสภาพแวดล้อมภายนอก มีส่วนอยู่มากที่จะทำให้กิ่งเกิดรากดีหรือไม่ดีซึ่งในการตัดชำผู้ปฏิบัติจะต้องคัดเลือกทั้งสภาพภายในกิ่งและสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเกิดราก และการเกิดยอด จึงจะทำให้การตัดชำนั้นได้ผลดี

$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$


ขอจบการนำเสนอ

จัดทำโดย
นางสาววศินี   ชาติเผือก
พืชศาสตร์   PSA45741N


$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

เทคนิคการเคลือบเมล็ดพันธุ์


โดย
นายเวโรจน์    เสถียรธนรภัส
เสนอ
ผศ. นชษร   ปภาภูวโรจน์


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



          การเคลือบเมล็ดพันธุ์มีประโยชน์หลายประการ เช่น สามารถใช้สีเคลือบเป็นเอกลักษณ์ป้องกันการปลอมปนพันธุ์ เคลือบด้วยสารที่สามารถคุ้มครองเมล็ดพันธุ์จากโรคแมลงศัตรูพืช โดยใช้สารสกัดธรรมชาติทดแทนสารเคมี เพื่อลดปัญหาสภาพแวดล้อม และลดขั้นตอนการเตรียมเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก เช่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา และสารอื่นๆดังเช่น

1. การควบคุมแมลงในที่เก็บรักษา
          การเคลือบเมล็ดพันธุ์ด้วยสารสกัดจากพริกไทยได้ทำการทดลองใช้สารสกัดจากพืชชนิดต่าง ๆ มากกว่า 10 ชนิด เช่น มะอึก สะระแหน่ ตะไคร้หอม ว่านน้ำ และพริกไทย เป็นต้น พบว่า เมื่อด้วงถั่ว (callosobruchis muculatus).วางไข่บนเมล็ดที่เคลือบด้วย พริกไทยทำให้ไข่ฝ่อไม่สามารถพัฒนาเป็นตัวเต็มวัยต่อไป

2. การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ (bio-fertilizer) พอกเมล็ดพันธุ์ ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์และยกระดับความแข็งแรงต้นกล้า
ภาพแสดงการงอกของเมล็ดหลังการพอกด้วยปุ๋ยอินทรีย์แล้วเก็บรักษา ไว้ 1 ปี

3. ไคโตซานมีคุณสมบัติคงทน เมื่อใช้พอกหรือเคลือบเมล็ดพันธุ์ หลังการเก็บรักษามากกว่า1 ปี เมล็ดพันธุ์ดังกล่าวเจรฺญแข็งแรงกว่าปกติ


4 การใช้น้ำสกัดจากเศษวัสดุหลากชนิด
          การใช้นํ้าสกัดชีวภาพให้คำนึงถึงความเข้มข้นที่พอเหมาะใช้ต่ำเกินไปไม่มีผล ใช้สูงเกินไปต้นกล้าตาย ไม่ว่าจะใช้น้ำสกัดจากวัสดุชนิดใดก็ตาม เมื่อเก็บไว้มีการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นทำให้ยากต่อการระบุความเข้มข้นที่เหมาะสมต่อการใช้ทุกครั้ง
โดยเมล็ดพันธุ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เนื่องจากเมล็ดได้รับสารเคลือบอย่างสม่ำเสมอเกาะติดแน่นไม่หลุดร่วงระหว่าง การนำไปใช้ และยังสามารถควบคุมปริมาณสารเคลือบในแต่ละเมล็ดได้เป็นการลดปัญหาสารพิษตกค้างต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาการ เคลือบเมล็ดแบบฟิล์ม (film coating) โดยเมล็ดถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นฟิล์มบาง ๆ จำพวก thin polymer ซึ่งตามปกติจะมีการคลุกเมล็ดหรือ seed dressing ด้วยธาตุอาหารหรือสารป้องกันกำจัดแมลงและเชื้อโรคก่อนแล้วจึงทำการเคลือบ ฟิล์มเพื่อลดปัญหาโรคทางดินของพืช

เมล็ดพันธ์ที่ผ่านการเคลือบ



วัตถุประสงค์ของการเคลือบเมล็ดพันธุ์ 
5)ลดขั้นตอนการเตรียมเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก เนื่องจากไม่ต้องทำการคลุกเมล็ดพันธุ์กับสารเคมีก่อนปลูกอีก
6)เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์เนื่องมาจากการเคลือบสารป้องกันกำจัดโรคและแมลง
7)เมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการเคลือบจะมีสีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ง่ายต่อการ จำแนก ป้องกันการปลอมปนของพันธุ์ และใช้เป็นจุดขายที่ดีทางการตลาด
องค์ประกอบสารเคลือบเมล็ดพันธุ์และผลของสารเคลือบที่มีต่อคุณภาพเมล็ดพันธุ์ 
          การเลือกใช้สารเคลือบเมล็ดพันธุ์จะขึ้น อยู่กับวัตถุประสงค์ของการเคลือบนั้น ๆ โดยส่วนมากมีการใช้สารออกฤทธิ์ (active ingredient) ซึ่งได้แก่ สารป้องกันกำจัดเชื้อรา สารป้องกันกำจัดแมลง ธาตุอาหาร ฮอร์โมน และสารเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งมักใช้ร่วมกับพอลิเมอร์ที่มีลักษณะเหนียวเพื่อใช้เป็นสารยึดเกาะให้ สารออกฤทธิ์ต่าง ๆ ติดกับเมล็ดพันธุ์ได้ดีขึ้น สารเคลือบที่ดีควรมีลักษณะเป็นสารที่มีน้ำเป็นตัวกลาง ความหนืดต่ำ มีความเข้มข้นของของแข็งสูง สามารถปรับสมดุลของสารมีขั้วและไม่มีขั้วได้และให้ฟิล์มที่มีความแข็งแรง เมื่อแห้งแล้ว





>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

การปลูกต้นถั่วดาวอินคา


การปลูกต้นถั่วดาวอินคา
นำเสนอโดย
นาย ทิณภัทร  จันทา
เสนอ
ผศ. นชษร  ปภาภูวโรจน์
สาขาวิชา พืชศาสตร์  PSA45741N


//////////////////////////////////////////////////////////

ต้นถั่วดาวอินคา
ช่วงชีวิตดาวอินคามีอายุ 20 50 ปี มีผลเหมือนดาว เมื่อสกัดเมล็ดจะมีน้ำมัน หลังจากสกัดแล้วจะได้แป้งและน้ำตาลที่มีคุณค่าทางชีวภาพสูง


//////////////////////////////////////////////////////////


วิธีการเตรียมพื้นที่ปลูก
• เตรียมพื้นที่โดยการกำจัดวัชพืช ด้วยเครื่องตัดหญ้า ห้ามใช้สารเคมีโดยเด็ดขาด



• ขุดหลุมกว้าง X ยาว X ลึก = 30 X 30 X 30 เซนติเมตร



• รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ ประมาณ 250 กรัม หรือ 1-2 กำมือต่อหลุม



//////////////////////////////////////////////////////////


วิธีการปลูก
ปลูกลึก 15 20 เซนติเมตร



• นำไม้ไผ่ยาวประมาณ 2 เมตร ปักหลักยึดลำต้น เพื่อให้ต้นดาวอินคาเลื้อยขึ้นค้าง




//////////////////////////////////////////////////////////


ระยะปลูก
พื้นที่ 1 ไร่ปลูกได้ 200 ต้น
ระยะห่าง 3 x 3 เมตร


//////////////////////////////////////////////////////////

ระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต
เมื่ออายุต้นได้ 6 8 เดือน จะเก็บผลผลิต(เมล็ด)ที่แห้งจากเถานำมาตากให้แห้ง รวบรวมส่งตามจุดรับซื้อ ที่บริษัทฯกำหนด หลังจากนั้นจะเก็บเกี่ยวทุก 2 3 เดือน ต่อเนื่องตลอดทั้งปี






//////////////////////////////////////////////////////////


พริกหยวก

นายภานุพล สายยางห้า
รหัสประจำตัว 457206241017
เสนอ
ผศ. นชษร ปภาภูวโรจน์
สาขา  พืชศาสตร์
คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร  

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุรรณภูมิ (ศูนย์หันตรา)


oooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo


พริกหยวก ชื่อสามัญ Banana Pepper, Sweet Pepper
สมุนไพรพริกหยวก ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า พริกหนุ่ม (พายัพ),
พริกตุ้ม พริกตุ้มนาก (ไทย), พริก พริกซ่อม (ทั่วไป) 


oooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo

ลักษณะของพริกหยวก
ต้นพริกหยวก เป็นพรรณไม้พื้นเมืองของอเมริกาเขตร้อน
จัดเป็นไม้ล้มลุกฤดูเดียวหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก
-ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด มีปลูกทั่วไปในประเทศที่มีอากาศร้อน


ใบพริกหยวก
เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ
รูปยาวรีหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลม 


ผลพริกหยวก
โดยมากมักเป็นรูปกรวยกว้าง หรือมีลักษณะตั้งแต่แบนๆ กลมยาว
ไปจนถึงพองอ้วน และสั้น ยาวได้ถึง 30 ซม. ผลมีลักษณะเป็นกระเปาะ
มีฐานขั้วผลสั้นและหนา ผลอ่อนเป็นสีเขียว เหลือง ครีม หรือสีม่วง



ดอกพริกหยวก

ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีขาวนวล
เชื่อมติดกัน เป็นรูประฆังหรือรูปปากแตร ปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก


สรรพคุณของพริกหยวก
1.สาร Capsaicin ในผลเป็นตัวช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง จึงช่วยในการบำบัดโรคเบาหวานได้
2.ช่วยบำรุงเลือดลม
3.ผลมีสรรพคุณช่วยขับลม แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ (ผล)
4.ช่วยขับปัสสาวะ
5.ช่วยแก้กามโรม


การเก็บพริกทำพริกแห้ง
1. การตากแดด
    2. การอบด้วยไอร้อน
 3. การลวกน้ำร้อน
  4. การอบพริกด้วยโรงอบพลังแสงอาทิตย์   






++DEN++